มาดูแลสุขภาพน้องหมากันเถอะนะคะ .....
สุนัขกับคนมีความผูกพันกันมานาน ชีวิตที่เหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางไปเรียน วุ่นวายกับการทำงาน กลับมาบ้านได้พบกับเสียงเห่า หน้าตาที่ดีใจ หางที่สั่นกระดิกไปมา ยืนรอต้อนรับแสดงความดีใจกับการกลับมาของเราทุกครั้ง ก็ทำให้ชีวิตที่เคร่งเครียดได้ผ่อนคลายลงได้บ้าง เมื่อได้เล่น จับ สัมผัสและทักทายกัน
ตลอดชีวิตที่ไม่เคยโกรธ ไม่เคยแสดงอาการรังเกียจ ไม่ว่าเราจะเป็นใคร มีฐานะอย่างไร เจ้าตูบก็ยังคงจงรักภักดีไม่มีเสื่อมคลาย นี้เป็นเพียงบางส่วนของความรู้สึก ซึ่งแต่ละคนต่างมีความประทับใจ “เจ้าตูบ” สัตว์เลี้ยงที่คุ้นเคยในมุมมองที่แตกต่างกัน
แต่บางครั้งโรคที่ไม่คาดฝันก็อาจเกิดขึ้นกับสุนัขตัวโปรดของเราได้และที่ ร้ายไปกว่านั้น สามารถติดต่อสู่คนได้ด้วย อย่างโรคที่เรียกว่า “โรคแท้งติดต่อ” ซึ่งกำลังเป็นข่าวสร้างความวิตกกังวลให้แก่คนรักเจ้าตูบอีกระลอก หลังจากที่ก่อนหน้านี้เพิ่งตื่นตระหนกกับ “โรคไข้กระต่าย” ภัยจากสัตว์ป่าฟันแทะได้ไม่นาน
รศ.สพญ.ดร.เกษกนก ศิรินฤมิตร ภาควิชาเวชศาสตร์คลินิกสัตว์เลี้ยง คณะสัตวแพทยศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ ให้ความรู้เกี่ยวกับ “โรคแท้งติดต่อ” หรือที่รู้จักกันในชื่อของ “โรคหมาแท้ง” ให้ฟังว่า เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชื่อว่าบรูเซลล่า (Brucella) ในสุนัขจะเรียกว่า บรูเซลล่า เคนิส (Brucella canis) โดยชื่อหลังนั้นจะใช้เรียกเชื้อตามชนิดของสัตว์ที่เกิด เช่น บรูเซลล่า อะบอตัส (Brucella Abortus) เป็นเชื้อที่เกิดในวัว บรูเซลล่า ซูอิส (Brucella Suis) พบในสุกร หรือ บรูเซลล่า เมลลิเทนซิส (Brucella Mellitensis) ที่พบในแพะ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเชื้อโรคที่สามารถติดต่อสู่คนได้ โดยทำให้เกิดการแท้งหรือผสมไม่ติด จึงเรียกว่า โรคแท้งติดต่อ
โรคนี้เกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศสหรัฐอเมริกา ประมาณ ปี พ.ศ. 2509 เนื่องจากฟาร์มสุนัขแห่งหนึ่งมีปัญหาว่า ผสมพันธุ์ไม่ติด และมีสุนัขเกิดอาการแท้งลูก เมื่อแยกเชื้อออกมาพบว่าเป็นเชื้อแบคทีเรีย บรูเซลล่า มีการตั้งชื่อเชื้อนี้ว่า บรูเซลล่า เคนิส หลังจากที่พบในอเมริกาแล้ว ยังพบในประเทศอื่นๆ เช่น อเมริกาใต้ ประเทศบราซิล เม็กซิโก ในยุโรป ประเทศนิวซีแลนด์ และในแถบเอเชีย พบในประเทศจีน อินเดีย ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น
ในเมืองไทยเคยมีนักวิชาการพยายามตรวจว่ามีโรคชนิดนี้ในเมืองไทยหรือไม่แต่ ไม่มีหลักฐานยืนยัน จึงสันนิษฐานกันว่า เชื้อชนิดนี้เข้ามาในช่วงปี พ.ศ. 2537-2540 ซึ่งเป็นช่วงที่เศรษฐ กิจของไทยดี มีการนำเข้าสุนัขกันมากและหลากหลายสายพันธุ์ และนิยมพัฒนาในแต่สายพันธุ์ รวมทั้งการนำเข้ามาไม่ได้มีการตรวจเชื้อโรคชนิดนี้
ต่อมาในปี พ.ศ. 2541-2542 ฟาร์มสุนัขแห่งหนึ่งในเมืองไทย มีปัญหาเรื่องของสุนัขแท้งลูกและมีการแท้งติดต่อกันในแม่พันธุ์หลายตัว จากนั้นนำสุนัขมาตรวจที่ ม.เกษตรศาสตร์ กำแพงแสน โดยทีมงานคือ สพญ. จันทร์จิรา ภวภูตานนท์ และ ผศ.นสพ.ดร.ธวัชชัย ศักดิ์ภู่อร่าม ที่ทำการตรวจและสงสัยว่าจะเป็นโรคนี้ แต่เนื่องจากเมืองไทยไม่เคยมีโรคนี้มาก่อน จึงทำการแยกเชื้อนี้ส่งไปที่องค์การอนามัยโลกประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งก็ยืนยันกลับมาว่าเป็นโรคบรูเซลล่า เคนิส ตามที่สันนิษฐานไว้ นี่จึงเป็นครั้งแรกที่พบในเมืองไทย
หลังจากนั้น มีการระบาดไปทั่ว เนื่องจากคนเลี้ยงเมื่อรู้ว่าสุนัขของตนเองที่ผสมพันธุ์ไม่ติดหรือว่ามีการ แท้งลูก เป็นโรคนี้และสามารถติดต่อสู่คน จึงขายต่อในราคาที่ต่ำมากหรือหลอกขาย ส่วนเจ้าของใหม่ที่ซื้อมา เมื่อเลี้ยงไปสุนัขเกิดผสมพันธุ์ไม่ติด แท้งลูก ตรวจแล้วพบว่าเป็นโรคชนิดนี้ จึงนำไปปล่อย หรือขายต่อ ส่งต่อเป็นทอดๆ ทำให้โรคนี้ไม่สามารถควบคุมได้
ต่อมาเมื่อสุนัขติดสัดผสมพันธุ์ใหม่ก็จะพบกับปัญหาเดิมอีก การติดต่อของโรคนี้ คือ การผสมพันธุ์ ถ้าตัวเมียเป็นโรคนี้ในเลือดจากช่องคลอดจะมีเชื้อโรคอยู่ ขณะที่ตัวผู้ที่ไม่เป็นเมื่อมีการผสมพันธุ์กันโรคนี้จะติดต่อไปยังตัวผู้ ด้วย
ในทางกลับกันเมื่อตัวผู้เป็น ในน้ำอสุจิของตัวผู้จะมีเชื้อโรคนี้อยู่ ในขณะที่ตัวเมียไม่เป็น เมื่อมีการผสมพันธุ์กันเชื้ออสุจิจะถูกปล่อยลงไปในช่องคลอดของตัวเมียทำให้ เกิดการติดเชื้อ นี่คือการนำโรคจากภายนอกเข้ามาในบ้าน
อีกกรณีหนึ่งที่สำคัญมาก คือ การเลียและการกิน ซึ่งหลายคนจะมองข้ามไป เมื่อบ้านหลังหนึ่งนำสุนัขตัวเมียไปผสมพันธุ์กับที่อื่นแล้วไม่ติดหรือติด แต่แท้ง สุนัขตัวอื่นในบ้านอาจจะมากินรก น้ำคร่ำจากการแท้งที่หลุด ออกมา หรือมีการเลีย ก็ติดเชื้อนี้ต่อไปอีก การติดจากการผสมพันธุ์ เป็นแค่ 1 ต่อ 1 แต่ การเลียและกิน ทุกตัวในบ้านสามารถมีโอกาสติดหมด ฉะนั้นต้องระวังในเรื่องนี้ให้มากเพื่อเป็นการป้องกันโรคจากภายนอก
จากการเพาะเชื้อเดิมมีอยู่ 8 สายพันธุ์ที่พบ คือ ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์, บัสเซท ฮาวด์, เซนต์ เบอร์นาร์ด, ดัลเมเชี่ยน, โกลเด้น รีทรีฟเวอร์, ชิทสุ, พูเดิล และ พิตบูล มีการตรวจพบเพิ่มอีกหนึ่งสายพันธุ์ คือ ไซบีเรียน ฮัสกี ซึ่งในความเป็นจริงน่าจะมีมากกว่านี้ เพราะบางบ้านจะเลี้ยงสุนัขไว้หลายสายพันธุ์ ถ้าไม่มีการผสมพันธุ์ก็จะไม่รู้ แต่ถ้ามีสายพันธุ์หนึ่งเป็นโรคและไม่ได้รับการตรวจก็จะไม่รู้อีกเช่นกัน เพราะสุนัขไม่แสดงอาการป่วยให้เห็น และบางสายพันธุ์ไม่นิยมพามาตรวจ ทำให้ไม่ทราบว่ามีการเกิดโรคขึ้นในสายพันธุ์นั้น ๆ ซึ่งมีโอกาสเกิดได้ทั้งเพศผู้และเพศเมียเท่าๆ กัน
“ถ้าสุนัขเป็นโรคมาเลียแขน ขา โดยที่คนไม่เป็นแผลก็ไม่เป็นอะไร แต่ถ้าคนมีบาดแผลอยู่แล้วสุนัขมาเลียมีโอกาสที่เชื้อจะเข้าไปได้ หรือในขณะที่สุนัขแท้งลูกแล้วเข้าไปช่วยทำคลอด โดยไม่ได้ใส่ถุงมือหรือล้างมือไม่สะอาด เมื่อหยิบจับอาหารเข้าปาก จะเป็นการรับเชื้อเข้าไปได้”
ลักษณะอาการในคนคือ เป็นไข้ เป็นๆ หายๆ คล้ายเป็นหวัด เมื่อกินยาลดไข้ หายแล้วอีกไม่นานก็กลับมาเป็น อีกรวมทั้งมีอาการปวดศีรษะ ตัวสั่น หนาวโดยไม่ทราบสาเหตุ สำหรับผู้ชายบางคนจะมีอาการอัณฑะบวมได้ อาการเหล่านี้จะคล้ายกัน ไม่ว่าจะเป็นเชื้อที่มาจากสุนัข โค รวมทั้งแพะ ซึ่งจะมีอาการเหมือนกันทั้งคนและสัตว์ โดยในเมืองไทยยังไม่เคยมีรายงานจากกระทรวงสาธารณสุขว่ามีคนติดโรคนี้จาก สุนัข รวมทั้งในคนยังไม่มีการตรวจเชื้อชนิดนี้ด้วย
เมื่อได้รับเชื้อโรคชนิดนี้เข้าไป จากรายงานขององค์การอนามัยโลกเกี่ยวกับโรคนี้ สำหรับคนมีข้อดี คือ เป็นแล้วสามารถรักษาได้ โดยการกินยาปฏิชีวนะหรือฉีดยาไปพร้อม ๆ กัน ในระยะเวลา 1-2 เดือน แต่ยามีราคาค่อนข้างสูง ซึ่งส่วนใหญ่ 80-90% จะหายขาด ในกลุ่มคนที่ยังไม่หายจะมีการเปลี่ยนยาชุดใหม่ให้ก็จะหายในที่สุด
แต่การรักษาในสุนัขจะไม่มียารักษาให้หายขาดหรือไม่มีวัคซีนป้องกันได้ จะเป็นไปตลอดชีวิต เนื่องจากว่ามีคนพยายามทำวัคซีนในสุนัขพอนำมาใช้จริงกลับไม่ค่อยมี ประสิทธิภาพ ยกเว้น โค ที่มีวัคซีนป้องกันเรื่องโรคแท้ง
ด้านการป้องกัน ในต่างประเทศจะใช้วิธีการฉีดยาให้หลับหรือทำให้ตายนั่นเอง แต่ในเมืองไทยเจ้าของจะไม่เลือกวิธีนี้ เพราะทำใจไม่ได้ ทำไม่ลง มีความผูกพัน ทำให้ทางออกที่ดีที่สุดในขณะนี้ คือ การทำหมัน เพราะเชื้อจะหลบอยู่ที่ระบบสืบพันธุ์ ในต่อมน้ำเหลือง เมื่อทำหมันแล้วเท่ากับเป็นการควบคุมเชื้อในร่างกายของสุนัข ถึงจะมีเชื้ออยู่แต่ก็น้อยลง เมื่อทำหมันเสร็จแล้วจะให้ยาปฏิชีวนะเพื่อช่วยในการควบคุมเชื้อนี้ไว้ด้วย และเริ่มมีการวิจัยในการรักษาโรคนี้อยู่
สำหรับคน ป้องกันได้โดยหลังจากจับ ลูบ สุนัข ล้างมือให้สะอาด เพียงเท่านี้ก็ป้องกันโรคได้แล้ว ที่สำคัญต้องเข้าใจว่าโรคชนิดนี้เป็นอย่างไร ติดต่อได้โดยวิธีใด จะทำให้รู้วิธีป้องกันได้ ก็สามารถอยู่ร่วมกับสุนัขได้
ส่วนคนที่ตั้งครรภ์ ไม่สามารถยืนยันได้และในต่างประเทศก็ยังไม่ชัดเจนว่า คนตั้งครรภ์มีการแท้งจากการติดเชื้อโรคนี้ เพราะสาเหตุของการแท้งมีได้หลายสาเหตุ เพียงแต่ว่ามีโอกาสเพราะเป็นเชื้อที่อยู่ในกลุ่มที่ทำให้แท้งได้
อยากฝากกลุ่มผู้เลี้ยงสุนัข วิธีป้องกันที่ดีที่สุดที่จะไม่ให้โรคนี้มาสู่สุนัขของเราได้ คือ ก่อนที่จะนำสุนัขมาผสมพันธุ์กันควรจะมีการตรวจโรคนี้เสียก่อนทั้งตัวผู้และ ตัวเมียกรณีต่อมา คือ ถ้ากังวลว่าสุนัขจะเป็นโรคนี้หรือไม่สามารถนำสุนัขมาตรวจที่โรงพยาบาลสัตว์ ม.เกษตรฯ หากสุนัขเกิดเป็นโรค ไม่ต้องกลัว วิตก และที่สำคัญไม่อยากให้ใช้วิธีให้คนอื่นต่อหรือขายต่อหรือนำไปปล่อย สามารถมาปรึกษาหมอได้ จะได้ควบคุมการแพร่กระจายของโรค เพราะมิฉะนั้นเมื่อโรคมีการแพร่กระจายบางครั้งด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ โรคนี้ก็อาจจะย้อนกลับมาหาเราได้
คงไม่มีใครอยากให้โรคนี้เกิดขึ้นกับสุนัขที่เราเลี้ยง ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องยอมรับและอยู่ด้วยกันอย่างเข้าใจ…อย่าทิ้งกัน… เพราะสุนัขเองก็คงไม่รู้ว่ามันทำผิดอะไร?
ในส่วนของโรคติดต่อสู่คนอื่นๆ อย่างโรคไข้กระต่าย หากดูสภาพของภูมิประเทศแล้วไม่น่าจะมีในเมืองไทย กระต่ายในบ้านเราที่เลี้ยงกันอยู่นั้นเป็นอีกสายพันธุ์ เพราะเชื้อโรคนี้เป็นเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่อยู่ในสัตว์ป่า อาทิ กระต่าย สัตว์ฟันแทะ อย่างกระ รอก ที่อยู่ในป่า ส่วนใหญ่จะพบในแถบยุโรปและอเมริกา โดยพาหะ คือ สัตว์ที่ดูดเลือด เช่น เห็บ หมัด โดยผู้ที่มีโอกาสติดโรคนี้ คือ นายพราน ผู้ที่ชอบล่าสัตว์ หรือคนที่เข้าไปเที่ยวในป่า จะโดนสัตว์ดูดเลือดกัดทำให้ได้รับเชื้อเข้าสู่ร่างกาย
ผู้ที่ได้รับเชื้อชนิดนี้ ส่วนใหญ่จะไม่เสียชีวิต สามารถรักษาได้ อาการเหมือนกับมีไข้ เกิดบาดแผลบริเวณที่ถูกกัด ต่อมน้ำเหลืองจะบวม ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดกล้ามเนื้อ ถ้ามีการเสียชีวิตเกิดขึ้น แสดงว่ามีการติดเชื้ออย่างรุนแรง เกิดอาการปอดบวม แต่เมื่อเริ่มเป็นไข้ กินยาปฏิชีวนะก็มักหายเป็นปกติ
ส่วนโรคหวัดแมวหรือหัดแมวนั้นไม่ติดคน โดยมีวัคซีนป้องกันโรคในแมว บางครั้งบางบ้านเลี้ยงแมวไม่ได้พาแมวไปฉีดวัคซีน โดยที่หวัดและหัดแมวจะเป็นวัคซีนที่อยู่ในเข็มเดียวกัน ถ้ามีการฉีดวัคซีนป้องกันก็จะไม่เป็นโรค ที่มีปัญหาคือ ไม่มีการฉีดวัคซีน เมื่อตัวหนึ่งเป็นโรคนี้เชื้อไวรัสจะแพร่กระจายไปสู่แมวตัวอื่นๆ ได้อย่างรวดเร็ว
หมาไส้กรอก…หลายคนคงเคยสงสัยว่าเอาเนื้อสุนัขมาแปรรูปแล้วยัดไส้เป็นอาหาร ความคิดในรูปแบบที่จะเปิบเพื่อสัตว์โลกด้วยกันในรูปแบบนั้น…ผิด..!!! …หมาไส้กรอกไม่ใช่ไส้กรอกหมา คือลักษณะของตัวที่เตี้ย หลังยาวๆ ขาสั้นๆ เวลามันเคลื่อนตัววิ่งหรือเดินไปไหนๆนั้น เหมือนกับไส้กรอกที่เคลื่อนที่…อะไรเทือกนั้น
และสุนัขพันธุ์นี้มันคือ ดัชชุน Dachshund มีถิ่นกำเนิดในเยอรมัน และถูกผสมสร้างมา เพื่อการล่า และติดตามสัตว์ บนพื้นดินหรือต่ำกว่า โดยใช้ขาสั้นๆขุดดินเพื่อให้เหยื่อออกมา จากนั้นมันก็จะตามไล่ล่าเข้าไปในโพรงอย่างเมามัน หลายคนที่เลี้ยงเจ้า “ดัชชุน” มักพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “เจ้าด๊อกโหลด” (หมาเตี้ย) มันเป็น สุนัขที่กล้าหาญ มีคุณสมบัติที่ดีเยี่ยมในการล่ากระต่ายป่าและหนู ทั้งบนดินและใต้พื้นดิน
ลักษณะ…ดัชชุนสุนัขด๊อกโหลดเตี้ยมีด้วยกัน 3 ขนาด คือมาตรฐาน โตเต็มที่จะมีความสูงเฉลี่ยประมาณ 14-18 นิ้ว น้ำหนักประมาณ 9 กก. ขนาดส่วนสูงไม่เกิน 14 นิ้ว น้ำหนัก 4 กก. และสูงไม่เกิน 12 นิ้ว น้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 3.5 กก.
หู ยาว เคลื่อนไหวได้และแขวนห้อยยาวอยู่บนแก้ม ลำตัว มีลักษณะเรียวยาว กล้ามเนื้อแข็งแรง ระยะระหว่างพื้นถึงลำตัว (อก) จะเท่ากับ 1 ใน 3 ของความสูงจากพื้นถึงหัวไหล่ และความยาวของลำตัว หาง จะอยู่ในแนวเดียวกับหลัง ส่วนขนนั้นจะแบ่งออกเป็น 3 ลักษณะ คือ ขนสั้น ขนหยาบ และขนยาว
ส่วนนิสัย ที่ทำให้หลายคนหลงใหลได้ปลื้มกระทั่งอดใจไม่ไหว ต้องหามาไว้เป็นสมาชิกส่วนหนึ่งของครอบครัว เน้นๆก็คือเขาจะมีอารมณ์สดใส ใจดี และมีชีวิตชีวา สง่างาม กล้าหาญ มีความมุ่งมั่น ชอบค้นหา มีจมูกดมกลิ่นที่ยอดเยี่ยม แต่ออกแนวดื้อรั้น อีกทั้งยังมีความอยากรู้อยากเห็น แถมมีความซุกซน
แต่! ก็มีความเฉลียวฉลาด และที่เป็นเสน่ห์สุดๆ ของเจ้าหมาพันธุ์ไส้กรอกก็ตรงที่ “เขาจะรักเจ้าของอย่างมากๆ ขี้อ้อนสุดๆ” ด้วยเหตุฉะนี้ในต่างประเทศจึงนิยมเลี้ยงดัชชุนไว้ในบ้าน โดยเฉพาะครอบครัวที่มีผู้สูงอายุ และเด็กเล็ก
และ…อย่างหนึ่งที่ไม่อาจลืมหรือมองข้ามไปได้ จนบางครั้งทำให้หลายๆ คนคิดจะคัดออกจากการเป็นสมาชิกของครอบครัว ทั้งที่เป็นธรรมชาติของมัน ก็ตรงที่ดัชชุนจะชอบขุดดิน ขี้อิจฉา โกรธง่าย และค่อนข้างดื้อรั้น อีกทั้งยังเป็นสุนัขที่อ้วนง่าย ดังนั้นควรมีที่ให้เขาสามารถออกกำลังกายได้
หลายๆคนที่เปิดใจกว้างคิดจะรับเจ้าหมาไส้กรอกเข้ามาเป็นสมาชิกภายในบ้าน ก่อนอื่นต้องถามใจด้วยว่า มีเวลาพาเขาไปเดินเล่นอย่างน้อย 2-3 ครั้ง/สัปดาห์ หรือไม่ เพราะดัชชุนเป็นสุนัขที่ชอบการเดินมาก อีกทั้งยังอ้วนง่าย ทำให้เสี่ยงต่อปัญหาด้านสุขภาพตามมาภายหลัง
สุดท้ายที่ “หลายชีวิต” จะแนะเกือบทุกครั้งก็คือ ใครที่คิดจะหาสัตว์ชนิดใดก็ตามมาเลี้ยงไว้เป็นเพื่อน ขอให้ถามใจซักนิดว่า มีเวลามากน้อยเพียงใด โดยเฉพาะกับสุนัขเพราะอายุเขาค่อนข้างยาวนานเกือบ 10 ปีเชียวละกว่าจะจากเราไป
1.ความรักและความพร้อมในการเลี้ยงดู สุนัขเป็นสิ่งมีชีวิตเป็นสัตว์ที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่จากเจ้าของค่อนข้างมาก ดังนั้นหากคิดจะเลี้ยงสุนัขสักตัวควรถามตนเองว่ามีความรักสุนัขมากน้อยแค่ไหน มีเวลาดูแลเอาใจใส่ เล่นกับสุนัขหรือไม่
2.สภาพบ้านที่อยู่อาศัย การเลี้ยงสุนัขควรคำนึงถึงที่อยู่อาศัยของตัวเรา บ้านที่เราอยู่มีลักษณะเช่นไร มีพื้นที่มากน้อยแค่ไหน เพราะสุนัขเป็นสัตว์ที่ต้องการพื้นที่ในการวิ่งเล่น ยิ่งสุนัขสายพันธุ์ใหญ่ ต้องการการออกกำลังกายและพื้นที่มากขึ้น
3.สมาชิกในครอบครัว การคิดจะหาสุนัขมาเลี้ยงควรคำนึงถึงสมาชิกในครอบครัวว่าครอบครัวเรามีใครแพ้ขนสุนัขหรือไม่ มีเด็กเล็กหรือคนชราหรือเปล่าหากมีก็ไม่ควรเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์ใหญ่ หรือสุนัขที่มีนิสัยดุ เพราะอาจเกิดอันตรายได้
4.สายพันธุ์ของสุนัขที่นำมาเลี้ยง การเลี้ยงสุนัขควรศึกษาสายพันธุ์ของสุนัขว่ามีนิสัยอย่างไร มีข้อดีข้อเสียเช่นไร ชอบหรือไม่ชอบอะไร ต้องเลี้ยงและดูแลอย่างไร เพื่อเป็นข้อมูลและเลือกสายพันธุ์ให้เหมาะสมกับตัวเรา
5.สุนัขเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีชีวิตจิตใจ ที่เราต้องให้ความรักการดูแล การออกกำลังกาย ดังนั้นหากคิดจะเลี้ยงสุนัขสักตัวควรที่จะมีเวลาดูแลใส่ใจ ไม่ควรทิ้งขว้าง แกล้งหรือกักขังเขาไว้ตลอดเวลา เพราะสุนัขจะเกิดความเครียด และเกิดดุร้ายขึ้นได้
สุนัข จำเป็นต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่จากเจ้าของ ทั้งในด้านการดูแลขน การอาบน้ำ การดูแลสภาพทั่วไป ของหู ตา จมูก และเล็บเท้า รวมไปถึงการดูแลสุขภาพของเหงือกและฟัน ตลอดจนการออกกำลังกาย การได้รับอาหารที่ดี และการได้รับการตรวจสุขภาพจากสัตว์แพทย์อย่างสม่ำเสมอด้วย
วิธีการดูแลสุนัข…เบื้องต้นที่เราควรทราบง่ายๆดังนี้
1.ไม่ควรเลี้ยงสุนัขไว้บนพื้นลื่น เช่นกระเบื้อง หินอ่อนขัด เป็นต้น เพราะจะทำให้ขาสุนัขไม่สวย ขาจะแบะออกคล้ายๆกับว่ายืนได้ไม่มั่นคง
2. ไม่ควรอาบน้ำให้ลูกสุนัขที่อายุยังไม่ถึง 3 เดือน ถ้ารู้สึกว่าสกปรกใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดขนข้างนอกก็พอ ถ้าเลี่ยงไม่ได้จริงๆ อาบน้ำแล้วให้รีบเช็ดและเป่าให้แห้ง เดี๋ยวสุนัขจะเป็นหวัด
3. ระวัง ! อย่าให้ลูกสุนัขมุดใต้กรง หรือใต้อะไรที่แข็งและเป็นคาน เพราะมีโอกาสเสี่ยงที่จะเข้าไปติด ถูกกดทับ หรือเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้เส้นหลังเสียได้(กระดูสันหลังจะแอ่น)
4. ควรดูแลรักษาปากและฟันของสุนัข อย่าให้กัดแทะของแข็งเกินไป เดี๋ยวฟันไม่แข็งแรงควรหากระดูกเทียมให้สุนัขแทะเล่น เอากระดูกแบบสีขาวและมีฟลูออไรด์ด้วยจะได้ทำความสะอาด ฟันสุนัขไปในตัว
5. เมื่อสุนัขเริ่มเป็นหนุ่มสาว(อายุ 7-8 เดือน) อย่าเพิ่งรีบให้ผสมพันธุ์ เพราะสุนัขยังไม่โตเต็มที่ อาจทำให้หยุดการเจริญเติบโตและทำให้ตัวเล็ก แล้วก็อาจจะแท้งหรือให้ลูกที่ไม่สมบูรณ์
6. เมื่อเริ่มโต สุนัขจะเริ่มมีขนร่วง ไม่ต้องแปลกใจ เป็นธรรมชาติของสุนัขที่มีการเจริญเติบโต
7. อาหารที่ใช้ควรเป็นอาหารเม็ด เพราะสะดวกรวดเร็ว ถ้าให้อาหารธรรมดา (ทำเอง) สุนัขจะเลือกกินแล้วจะไม่กินอาหารเม็ดอย่าให้แทะกระดูกจริงเพราะเดี๋ยวจะไปทิ่มกระเพาะสุนัขและจะติดคอได้ง่าย
8. การฉีดวัคซีนและถ่ายพยาธิ ควรทำตามตารางที่สัตว์แพทย์แนะนำ
ร็อท ไวเลอร์
ร็อทไวเลอร์ เป็นสุนัขพันธุ์ใหญ่และมีโครงสร้างที่แข็งแรง มีความฉลาดและน่ารัก แต่แฝงด้วยความดุร้ายซึ่งอยู่ในสายพันธุ์ นิสัยของร็อทไวเลอร์ จริงๆ แล้วมีความรักเจ้าของ และเชื่อฟังเป็นอย่างดี ขี้เล่นแต่จะดุร้ายกับคนแปลกหน้า ซึ่งส่วนใหญ่นิยมเลี้ยงไว้เฝ้าบ้านเพื่อป้องกันขโมยขึ้นบ้านนั่นเอง การเลี้ยงร็อทไวเลอร์ต้องเลี้ยงตั้งแต่ตัวเล็กนะจ๊ะ เพื่อให้สุนัขเกิดความคุ้นเคยกับเจ้าของ และที่สำคัญเจ้าของเองต้องให้ความรักความเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด ไม่ควรเลี้ยงแบบกักขัง ควรใส่สายจูงพาไปเดินนอกบ้านบ้างน๊า เพื่อให้สุนัขเกิดความคุ้นเคยกับสิ่งแวดล้อมรอบๆ เพราะหากกักบริเวณมากเกินไป หรือนานเกินไปจะทำให้สุนัขกลายเป็นสุนัขที่อันตรายและดุร้าย เพราะจะสุนัขจะเกิดอาการวาดกลัวและระแวงเวลามีคนแปลกหน้าเข้ามา หรือหลุดออกไปในที่ที่ไม่คุ้นเคย ก็จะทำร้ายคนที่ไม่รู้จักได้จ๊ะ
ส่วนการป้องกันตัวหากโดนสุนัขทำร้ายนั้นไม่ยากเลย พี่ๆ น้องๆ เพียงแค่ยืนอยู่กับที่นิ่งๆ ไม่ขยับ ไม่ต่อสู้ และไม่วิ่งหนี แค่นี้ก็จะทำให้สุนัขจะค่อยๆ ถอยห่างออกไปเอง เห็นไม่คะว่า จริงๆ แล้วร็อทไวเลอร์ไม่ได้ร้ายอย่างที่คิดเลยใช่มั้ยหล่ะ เพียงแต่เราต้องเลี้ยงเขาให้ถูกวิธี และเอาใจใส่ รักมันมากๆ แค่นี้ร็อทไวเลอร์ก็ไม่มีทางทำร้ายเจ้าของอย่างแน่นอน นะจ๊ะเจ้านาย!!
ข้อมูล : สายพันธุ์ร็อทไวเลอร์
ประวัติ ‘ร็อทไวเลอร์’
ร็อทไวเลอร์ เป็นสุนัขสายพันธุ์ที่เก่าแก่ ปรากฏในประวัติศาสตร์ตั้งแต่ยุคโรมันโบราณ ถูกฝึกใช้งานต้อนฝูงสัตว์ เลี้ยงแกะ เลี้ยงวัว เลี้ยงม้า หรือลากเกวียน สุนัขสายพันธุ์นี้ได้เดินทางมาพร้อมกองทหารโรมัน เพื่อเป็นยามรักษาการณ์ระหว่างเดินทัพ จนมาถึงเมืองร็อทเวล สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี สุนัขพันธุ์นี้ได้ผสมข้ามสายพันธุ์กับสุนัขในท้องถิ่น นับจากนั้นร็อทไวเลอร์ก็ถูกฝึกให้ต้อนฝูงสัตว์คุ้มกันปศุสัตว์ ปกป้องเฝ้าระวังภัยคุ้มกันภัยให้เจ้านายและทรัพย์สิน ด้วยความฉลาดและทรงพลังของสุนัขสายพันธุ์นี้ ถูกขนานนามจากเมืองเก่าแก่อย่างเมืองร็อทเวลว่า “Rottwill Butcher DOG” จากนั้นได้ถูกเพาะขยายพันธุ์ขึ้นเพื่อให้มีสมรรถภาพและเป็นสุนัขในการใช้งานอันเกิดประโยชน์สูงสุด จากสุนัขต้อนฝูงสัตว์ได้พัฒนาเป็นสุนัขที่แกร่ง ทรหดอดทนและดุร้าย
ศตวรรษที่ 20 ได้มีการคัดเลือกสุนัขมาใช้ในราชการตำรวจ โดยมีสุนัขหลายพันธุ์ถูกนำมาทดสอบ ร็อทไวเลอร์ก็เป็นหนึ่งสายพันธุ์ที่ได้เข้าทดสอบด้วย อาศัยเป็นสุนัขที่แกร่ง ฉลาด ทรงพลัง ไม่ช้าร็อทไวเลอร์ ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความเป็นสุดยอดสุนัขและได้ถูกบรรจุให้เป็นสายพันธุ์หลักของสุนัขชั้นเลิศในราชการตำรวจและมีการรับรองขึ้นทะเบียนเป็นสุนัขตำรวจในปี ค.ศ.1910 ( ขอบคุณข้อมูลจากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ )
มาตราฐานสายพันธุ์
อุปนิสัย ฉลาด ซื่อสัตย์รักเจ้านาย กล้าหาญ แฝงความดุร้าย สามารถนำมาฝึกให้เชื่อฟังคำสั่งหรือเป็นสุนัข อารักขาได้
ลักษณะทั่วไป ร็อทไวเลอร์ที่ดีควรมีขนาดปานกลาง ล่ำและมีพลัง ความกระทัดรัดและโครงสร้างที่บึกบึนเป็นเครื่องบ่งบอกถึงความแข็งแรง สุนัขเพศผู้จะมีโครงสร้างที่ใหญ่กว่าสุนัขเพศเมีย โดยที่เพศเมียแม้จะมีขนาดเล็กกว่าแต่ไม่ได้อ่อนแอกว่าแม้แต่น้อย
ศีรษะ ความยาวปานกลาง มองด้านข้าง หน้าผากจะโค้งเล็กน้อย ขากรรไกรบนและล่างแข็งแรง หูขนาดปานกลาง ห้อยลง ลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยม ในขณะที่ตื่นตัวหูจะอยู่ในระดับเดียวกับส่วนบนของกะโหลก จมูกกว้างและมีสีดำ ลำตัวกว้างและลึกลงไปจนถึงข้อศอก หลังเหยียดตรงและแข็งแรง ชายกระเบนเหน็บสั้น ลึกและเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ หางตัดสั้นเกือบชิดลำตัว
ส่วนหน้า ระยะจากจุดสูงสุดถึงข้อศอกมีระยะเท่ากับข้อศอกถึงพื้นดิน ขาได้พัฒนาอย่างแข็งแรง ประกอบด้วยกระดูกที่ใหญ่และเหยียดตรง ฝ่าเท้าแข็งแรง มีสปริงและเกือบจะตั้งฉากกับพื้นดิน กลมและกระทัดรัด โค้งกำลังดี ไม่บิดเข้าหรือบิดออก อุ้งเท้าหนาและแข็ง เล็บเท้าสั้น แข็งแรง และมีสีดำ นิ้วติ่งควรจะตัดทิ้ง ขาหน้า มีกระดูกใหญ่ ขาหน้าท่อนบนมีกล้ามเนื้อแข็งแรง ข้อเท้าหน้าแข็งแรง ตั้งฉากกับพื้น มองจากด้านหน้าขาหน้าตรงตั้งฉากกับพื้นห่างกันพอเหมาะ เท้ากลม นิ้วเท้าชิด ขาหลัง มีกระดูกใหญ่ ขาหลังท่อนบนประกอบด้วยกล้ามเนื้อ มุมขาหลังทำมุมพอประมาณ ข้อเท้าหลังตั้งฉากกับพื้น มองจากด้านหลังขาหลังตรงขนานกันตั้งฉากกับพื้น นิ้วเท้าชิด เท้ากลม
ลำตัว สัดส่วนของความสูงต่อความยาวของลำตัวประมาณ 9 ต่อ 10 ส่วน ลำตัวแข็งแรง เส้น หลังตรง ขนานกับพื้น ลำตัวส่วนหน้า หัวไหล่ประกอบด้วยกล้ามเนื้อ ลำตัวส่วนท้าย มีลักษณะกว้าง ค่อนข้างสั้น โค้งมนเล็กน้อย ส่วนหางสุนัขบางตัวหางกุดหรือสั้นมาตั้งแต่กำเนิด นิยมตัดหางให้สั้น
ขน ขนชั้นนอกเหยียดตรง แน่นและหยาบ ยาวปานกลางและเรียบ ขนชั้นในจะอยู่บริเวณคอและตะโพก ส่วนขนจะหนาหรือบางขึ้นอยู่กับสภาพของอากาศ
สี ต้องมีสีดำโดยเสมอ และมีสีน้ำตาลบริเวณเหนือตา,แก้ม,คอ,เท้า,ก้น,อก
การเดิน-วิ่ง มีความสง่างาม การย่างก้าวมีพละกำลัง ขณะวิ่งขาหน้า-หลังไม่บิดหรือเก
ช็อกโกแลต..ขนมต้องห้ามสำหรับน้องหมา
ฮาโย๋ ฮาโย๋ พบกันอีกแว้วคับ วันนี้สาวน้อยซากุระ มีเรื่องมาเล่าอีกแล้ว นั่นก็คือ เรื่องของ “เจ้าช็อคโกแลตตัวปัญหา” ที่พวกเราหลายคนชอบทาน แต่…น้องหมาห้ามทานเด็ดขาด เพราะอะไรทุกคนคงสงสัยอ่ะสิ? อย่าพึ่งทำหน้าเป็น ง งู สองตัว วันนี้สาวน้อยซากุระสุดสวยจะมาเฉยให้ฟังกัน อาจจะซีเครียดกันเล็กน้อยนะค้าาา….แต่มันมีประโยชน์สำหรับพวกเรา ชาวรักเจ้าตูบ
ว่าด้วย…เจ้าช็อคโกแลตเหล่านี้จะส่งผลร้ายต่อน้องหมาของพวกเรา เพราะเจ้าช็อคโกแลตมีส่วนประกอบของสารชนิดหนึ่งมีชื่อว่า theobromine ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับ สารพวก caffeine(ซึ่งมีในจำพวกกาแฟ โกโก้) สาร theobromine นี้เมื่ออยู่ในร่างกายมันจะมีฤทธิ์หลายอย่าง แต่ที่เห็นเด่นๆชัด คือ จะกระตุ้นให้มีการหลั่งสารที่เรียกกันว่า adrenaline ซึ่งสารตัวนี้จะมีผลทำให้หัวใจเต้นเร็ว เหงื่อออกมาก ถ้ากินมากๆ อาจถึงขั้นเป็นพิษได้จะทำให้เกิด อาการ อาเจียน ท้องเสีย หายใจถี่ ฉี่บ่อย กระวนกระวาย และในที่สุดก็ถึงตายได้ มีรายงานในน้องหมาบอกว่า น้องหมาที่น้ำหนักไม่เกิน 5 กก. กินเข้าไปแค่ 400 มก. ก็สามารถแสดงความเป็นพิษได้ การที่น้องหมาค่อนข้างจะไวต่อความเป็นพิษของ theobromine นั้นเป็นเพราะว่าร่างกายของมันไม่สามารถที่จะกำจัด theobromine ออกจากร่างกายได้รวดเร็วเหมือนกับสัตว์ชนิดอื่น ตามปกติช็อคโกแลตที่ขายในท้องตลาด ถ้าเป็นแบบหวานจะมี theobromine อยู่ประมาณ 1.5 มก ต่อ ซีซี แต่ถ้าเป็นแบบไม่หวานจะมีประมาณ 13 มก. ต่อ ซีซี (อ่านมาจากคอมเม้นท์ในเว็
อ่านแล้วปวดจิตปวดใจเป็นที่สุด สำหรับเจ้าของน้องหมาหลายๆคน ที่เคยให้น้องหมากินช็อคโกแลต เห็นไหมค้าาา… ว่าอาหารหรือขนม ที่ให้คุณประโยชน์กับพวกเรา แต่อาจให้โทษมหันต์กับน้องหมาสุดที่เลิฟ ก็เป็นไปได้ นะจะบอกให้ แล้วจะหาว่าสวยมะเตือน
น้องหมาโดนยาเบื่อยาพิษ
สวัสดีจ้ากลับมาพบกันเช่นเคยน๊ะจ๊ะ กับสาวน้อยโอชินเจ้าเก่า วันนี้โอชินก็มีเรื่องราวดีๆ เกี่ยวกับน้องหมามาถ่ายทอดให้พี่ๆ น้องๆ ได้อ่านกันเหมือนเดิมเลยจ๊ะ
พี่ๆ น้องๆ หลายๆ คนคงได้ยินเกี่ยวกับน้องหมาโดนยาเบื่อหรือยาพิษกันบ้างแล้วใช่มั้ยคะ เจ้าของหลาย ๆ คนต้องผิดหวังเมื่อสุนัขสุดที่รักต้องตายจากไป จากการโดนยาเบื่อ
ย้อนอดีตไปเมื่อราว 4-5 ปีที่แล้ว ของโอชิน ยังจำได้ดีเกี่ยวกับน้องหมาที่โดนยาเบื่อ วันนั้นประมาณบ่ายๆ ได้ยินคนข้างๆบ้าน เอะอะโวยวายเสียงดัง เลยรีบออกมาดูก็เห็นมีคนมุ้งดูอะไรกัน คึกคักกันใหญ่ มองไปก็เจอน้องหมาพันธุ์ไทยนอนอยู่อย่างทุรนทุราย กับอาการที่น่าเป็นห่วง น้องหมาพันธุ์ไทยตัวนี้ เป็นหมาของคนข้างๆ บ้านอีกหลังนึง ที่เจ้าของชอบปล่อยออกมาข้างนอก แล้วก็ชอบไปอุจาระหน้าบ้านคนอื่นเค้าเป็นประจำ จึงมีผู้ไม่ประสงค์ดีวางยาเจ้าน้องหมา เพื่อกำจัดมันซะ (น่าสงสารจัง) เมื่อเจ้าของมาเห็นน้องหมาโดนยาเบื่อเข้าถึงกับตกใจและร้องเสียงดัง ทันใดนั้นก็มีเพื่อนบ้านอีกคนตะโกนบอกว่าให้เอาเกลือมากรอกปากมันเร็วเข้า! แล้วเจ้าของก็วิ่งไปเอาเกลือมาใส่ในปากให้น้องหมากิน มีเพื่อนบ้านหลายคนช่วยกันจับน้องหมาไว้ หลังจากนั้นก็เอาไข่ขาว(ไข่ไก่นะ) กรอกปากให้น้องหมากินตามไปเพื่อให้น้องหมาอาเจียนออกมา เป็นการบรรเทาอาการไปก่อน หลังจากนั้นเจ้าของก็นำไปส่งโรงพยาบาล และโชคดีที่สัตวแพทย์ช่วยชีวิตน้องหมาพันธุ์ไทยตัวนี้ได้ทันเวลา
คุณหมอบอกว่าเนื่องจากได้มีการปฐมพยาบาลมาเบื้องต้นมาแล้วนั้นถูกต้องแล้ว ซึ่งการรักษาจะต้องให้สุนัขอาเจียนพิษออกมา โดยการใช้เกลือละลายในน้ำสะอาดประมาณ 1ลิตร กรอกให้สุนัขกิน เกลือจะช่วยกระตุ้นให้สุนัขนั้นสำรอกยาพิษออกมาบางส่วน จากนั้นให้ใช้ไข่ขาว ประมาณ 4-5 ฟอง หรือจะใช้ ถ่านฟืนหุงข้าวตำให้ละเอียดก็ได้ จะเป็นตัวดูดซับสารพิษ นั้นเอง
ภาพประกอบจาก : chamrus tubburi
น้องหมากินหญ้ารักษาโรค
เรื่องมันมีอยู่ว่าาา…เมื่อวันก่อนได้คุยกับ แม่บ้าน(รักน้องหมาสุดๆ)ผู้น่ารักประจำออฟฟิศ เค้าบอกเราว่าให้เอาหญ้าให้เจ้าตูบเรากินบ้าง งง? เกิดอาการงง งงคับงง หมากินหญ้าเนี่ยนะ หมานะไม่ใช่วัว(คิดในใจ) เวลาผ่านไปสักพัก คุณป้าแม่บ้านเดินมาพร้อมกับถุงหญ้าน้อยๆที่จะฝากไปให้เจ้าตูบน้อยของเรา คุณป้าแม่บ้านบอกว่าเจ้าต้นหญ้าอันนี้มันป้องกันและแก้อาการปวดท้องของน้องหมาได้ ว้าว! มหัศจรรย์ เป็นความรู้ใหม่นะเนี่ย เกือบลืมบอกไปว่า เจ้าต้นหญ้าต้นน้อยต้นนี้มีนาม ว่า “หญ้าแพรก” นะเจ้าค่ะ
พี่ๆ น้องๆ คงมีความรู้สึกว่าชื่อคุ้นหูและหน้าตาก็คับคล้ายคับคา เหมือนต้นหญ้าที่เคยรู้จักมาตั้งแต่เด็กๆ ถูกต้องนะค้าบบบบบ “หญ้าแพรก” คือ หญ้าที่พวกเราชาวศิษย์มีคุณครู นำไปไหว้ครูบาอาจารย์ ในวันไหว้ครูไงเจ้าค่ะ
ไหนๆ แล้วก็แถมอีกเรื่องแล้วกันค่ะ ซากุระมี วิธีรักษาอาการเบื้องต้น ของน้องหมา เมื่อน้องหมามีอาการเศร้าซึม (คิดว่าหน้าจะไม่สบายแว้ว) มาแนะนำเพิ่มเติม คือ เอาผักบุ้งไทย (ที่เอาไว้กินกะส้มตำอ่ะ) ที่ต้นสีแดงโคนแก่ๆ มาต้มกับน้ำ 1 ถ้วยใส่น้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนโต๊ะ ต้มพองวดแล้วเอามาน้ำมาป้อนน้องหมาบ่อยๆ รุ่งเช้ารับรองว่าสามารถวิ่งเล่นได้เหมือนเดิม แต่ถ้าอาการไม่ดีขึ้น ควรพาน้องหมาของเราไปพบหมอจะดีที่สุดนะค้าบบ อย่าหาว่าคนสวยมะเตือนนะค่ะ ^_^
นับว่าเป็นโอกาสดีที่ได้มาถึงจุดนี้ นี้เป็นบล็อกแรกสำหรับการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ ที่กำลังเกิดขึ้นอย่างภาคภูมิใจและตื่นเต้น(มากๆ)คะ สำหรับสาวน้อยโอชินและสาวน้อยซากุระ สองสาวสวยในบ้าน kapook.com ที่พร้อมจะมอบเรื่องราวและถ่ายทอดสิ่งดีๆ เกี่ยวกับน้องหมา ให้กับพี่ๆ น้องๆ ได้อ่านและสามารถแบ่งปันความคิดเห็นกันได้อย่างไม่อั้น ยังไงแล้วก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ อย่าลืมติชมกันบ้าง เพื่อที่ Dog.kapook.com จะได้พัฒนาให้ถูกใจมากยิ่งขึ้นเจ้าคะ..หุหุ
เรื่องแรก… คงมีหลายคนที่ชอบเลี้ยงเจ้าตูบไว้แก้เหงา หรือเลี้ยงไว้เฝ้าบ้าน เพราะเป็นที่นิยมสำหรับหลายๆคน ที่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงอย่างเจ้าตูบ ไว้เพื่อผ่อนคลายความเครียดและเป็นเพื่อนแก้เหงาได้ แล้วคุณละเป็นหนึ่งในนั้นหรือเปล่า?
ทุกครั้งที่คุยเรื่องเจ้าตูบทีไรก็อดที่จะคิดถึงเรื่องนี้ไม่ได้ทุกทีเลย เรื่องของฉันก็มีอยู่ว่า.. แม่ของฉันเป็นแม่บ้าน ทุกวันที่ลูกๆ ไปโรงเรียน แม่ก็อยู่บ้านคนเดียวทุกวัน พอดีเพื่อนของแม่มีเจ้าตูบที่คลอดลูกออกมาดูโลกหลายตัว แม่เลยขอซื้อมาเลี้ยงตัวนึงซึ่งอายุได้ 1 เดือนกว่าๆ วันแรกที่ฉันเห็นเจ้าตูบตัวน้อย ก็อดที่จะหลงรักมันไม่ได้ ฉันตั้งชื่อให้มันว่า เจ้าม่ามา มันน่ารักมากตัวเล็กๆ ขนฟูๆ นิ่มๆ เลี้ยงไปเลี้ยงมาจนเวลาผ่านไป 2 ปี มาม่าสุขภาพดีและแข็งแรงมาก ทุกคนในครอบครัวจะรักเจ้ามาม่ามาก โดยเฉพาะแม่ของฉันที่รักมาม่าเสียจนฉันยังแอบอิจฉา (อิจฉาหมาก็เป็นด้วย) เจ้ามาม่าเองก็เหมือนกันมันรักและติดแม่ของฉันมากเป็นเพราะความผูกพันและความเอาใจใส่ของแม่ที่อยู่ด้วยกันทุกวันๆ ทำให้เจ้ามาม่าไม่เคยที่จะต้องห่างจากแม่ของฉันไปไหน แต่ก็มีเหตุการณ์นึงเกิดขึ้นที่ทำให้ฉันถึงกับเครียดไปด้วย!
วันนั้นแม่ต้องไปทำธุระที่ต่างจังหวัด เป็นเวลา 2 อาทิตย์ เจ้าม่ามาเลยอยู่บ้านกับฉัน หลังจากแม่ไปต่างจังหวัด เจ้ามาม่าก็มีอาการแปลกๆ ไม่กิน ไม่นอน เอาแต่ชะเง้อคอยว่าเมื่อไรแม่จะกลับ อาการซึมเศร้าของเจ้ามาม่า ทำให้ฉันกังวลใจและเครียดมาก เพราะทำยังไงเจ้ามาม่าก็ไม่ยอมกินอาหาร มันดูไม่ร่าเริงไม่สดใสเหมือนเดิม คงเป็นเพราะคิดถึงแม่ มันก็คงไม่ต่างอะไรกับ “คน” ที่เมื่อไรห่างจากคนที่เรารักและผูกพัน พอห่างกันก็เกิดความคิดถึงนั่นแหล่ะ ฉันเคยอ่านในหนังสือเจอข้อความนึงทำให้นึกขึ้นได้ เกี่ยวกับเรื่องของสุนัขมีข้อความประมาณว่า สุนัขเมื่อมีเจ้าของก็จะผูกพันไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ การพลัดพรากจากเจ้าของ ทำให้สุนัขถึงกับหัวใจสลาย และจะเกิดอาการซึมเศร้า ไม่กิน ไม่นอน นานเข้าอาจถึงตายได้ ซึ่งเป็นอาการเดียวที่เกิดกับเจ้ามาม่า แต่ไม่ถึงขั้นโคม่าอย่างนั้น หลังจากที่แม่กลับมา มาม่าก็ดีใจมาก กระโดดกระโจมเข้าหาแม่ด้วยอาการตื่นเต้นดีใจสุดฤทธิ์ หลังจากนั้นเวลาที่แม่ไปไหนหลายๆวัน แม่ก็จะพาเจ้ามาม่าไปด้วยเสมอ เพราะแม่กลัวว่ามันเจ้าเหงา และเศร้าเหมือนครั้งที่ผ่านมาอีก…แม่บอกฉันว่าเราควรใส่ใจมันเหมือนที่มันใส่ใจเรา ไม่ว่าหมาหรือคน ก็มีจิตใจเหมือนกัน
เรื่องที่เล่าไปคงเป็นข้อที่ควรคำนึงถึงความเป็นจริงได้ สำหรับผู้ที่คิดที่จะเลี้ยงสุนัขหรือที่กำลังเลี้ยงอยู่ ก่อนอื่นเราต้องมีเวลาให้และใส่ใจกับมันมากๆ เพราะสุนัขถึงจะเป็นแค่สัตว์ตัวเล็กๆ แต่ก็มีจิตใจที่รักและผูกพันกับเจ้าของ ไม่ต่างอะไรกับคนเลยทีเดียว!!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น